โดย สยามธุรกิจ วันที่ 28 มกราคม 2555 เวลา 00:00 น.
กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยพาณิชย์สามัคคีประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกรณีที่บริษัทจะเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 660 ล้านบาทจากเดิมมีอยู่ 454,452,155 บาทเป็น 1,114,452,155 บาทว่า สาเหตุที่ทำให้ต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนมาจาก 2 เรื่องหลักคือ
1. ความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ เมื่อปีที่ผ่านมาซึ่งบริษัทประมาณการค่าสินไหมทดแทน 11,952 ล้านบาท เป็นค่าสินไหมทดแทนสุทธิ 607 ล้านบาท ทำให้ขาดทุนจากการรับประกันภัยถึง 406 ล้านบาทและขาดทุนสุทธิ 282 ล้านบาท และ
2. ความเสี่ยงของประเทศไทยเปลี่ยนไป โดยเฉพาะความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทำให้ความเสี่ยง ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทประกันภัยเปลี่ยนไปด้วย เงินกองทุนที่เคยตั้งเป้าหมายไว้ไม่เพียงพอต้องปรับเป้าหมายใหม่ ต้องมีเงินกองทุนเพิ่มขึ้นเพื่อให้สอดรับกับความเสี่ยง รวมไปถึงเพิ่มความมั่นคงและรองรับการขยายธุรกิจนับจากนี้ ซึ่งก่อนเกิดน้ำท่วมบริษัทตั้งเป้าหมายมีเงินกองทุน 350% เพียงพอแล้ว แต่หลังจากนี้ไม่พอถามว่าเงินกองทุนที่เหมาะสมควรจะเป็นเท่าไหร่กำลังทำตัวเลขอยู่ แต่คาดว่าจะต้องมีไม่น้อยกว่า 500 หรือ 600% ขึ้นไปเพิ่มขึ้นจากเดิม 50%
“ภาพรวมคือความเสี่ยงของประเทศไทยเปลี่ยนไป ทำให้ความเสี่ยงของบริษัทประกันภัยเปลี่ยนไปด้วย แต่ขึ้นอยู่กับบริษัทประกันภัยแต่ละแห่งพอร์ตไม่เหมือนกัน อย่างของเรามีลูกค้ารายย่อยเยอะ เป็นส่วนที่เรารับเสี่ยงภัยไว้เองสูง จำเป็นต้องเพิ่มเงินกองทุน ขณะอีกหลายเรื่องยังไม่จบ อย่างการผ่อนกฎเกณฑ์อัตราส่วนต่างๆ ที่จะคำนวณระดับเงินกองทุนตามเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (Risk Based Capital : RBC) ให้กับธุรกิจ ยังไม่ประกาศออกมาเรากำลังรอดูอยู่”
วันนี้ความเสี่ยงของประเทศไทยในเรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติ ไม่ได้มีแค่น้ำอย่างเดียวยังมีความเสี่ยงอื่นๆ อีก เช่น ลมพายุ หากไปดูสถิติย้อนหลัง 10 ปีที่ผ่านมาแรงลมเร็วกว่าเก่า เพียงแต่ความ เร็วของลมยังไม่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินมากนัก, คลื่นยักษ์ที่เคยเกิดขึ้นที่ภาคใต้เมื่อตอนสึนามิมีแนวโน้มเกิดมากขึ้น ขณะที่ภัยแผ่นดินไหวเป็นภัยที่กลัวมากที่สุดในขณะนี้
“อะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นในบ้านเราก็เกิด อย่างน้ำท่วมปีก่อนเกินความคาดหมายมาก ขนาดเราซื้อประกันภัยต่อความเสียหายส่วนเกิน (Excess of Loss) รองรับระดับหนึ่งยังไม่พอ ยังขาดทุนต้องปรับโมเดลบริหารความเสี่ยงใหม่หมด อย่างน้ำท่วมในเชิงสถิติที่คุยกับบริษัทรับประกันภัยต่อ (รีอินชัวเรอส์) บอกเกิด 1 ครั้งในรอบ 50 ปี ดังนั้นมีโอกาสเกิดอีก”
ต่อข้อถามการเพิ่มทุนจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติในบริษัทเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน ไม่น่าจะเปลี่ยนมาก เพราะมีต่างชาติถือหุ้นอยู่ไม่มาก สำหรับในปี 2554 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับ 3,404 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16%
ที่มา : สยามธุรกิจ